Thursday, November 13, 2014

#27 ผู้โชคดี

ตามหา

ตามหา..
และยังคงตามหากันอยู่เรื่อยไป
สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดสิ่งหนึ่งที่ ธรรมชาติ ให้มา

นั่นคือ รัก

ปล. ป้องกันการใช้มุขฟาย โดยทำความเข้าใจกันก่อนว่า รัก ไม่ใช่ ลักซ์ ไม่ใช่สบู่
ปล.2 จะไม่มีการถูตัวให้เกิดอารมณ์ทางปื้ด

ผมเป็นคนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงมันน่าดู
แต่ในใจ ที่อยู่ลึกสุดติ่งก็เหมือนจะถามหามันอยู่เป็นหลายหน
สมอง (ที่บรรจุเต็มไปด้วยขี้เลื่อย) ก็จะสั่งการลงมาว่า

"เอาอยู่ !!"

เอาใหม่ เทคสอง
สมองก็จะสั่งการลงมาว่า

"ไม่เอา ! อย่าหาเรื่องเจ็บตัว !"

ผมเห็นหนังสือหลายเล่มจะเขียนคล้ายกันหมด
ว่า รัก เป็นแหล่งเกิดของพลังงานมหาศาล
ผมว่าจริงนะครับ
คือ ด้วยความที่คนที่เขียนหนังสือเหล่านั้น เป็นนักเขียนที่อุดมไปด้วยมุมมอง
(ขอไม่ reference แล้วกัน เพราะหลายท่านเกิน)

ซึ่งมักจะพูดในมุมมองคล้ายคล้ายกันว่า
รัก ทำให้คนธรรมดาเป็นด็อกเตอร์
ทำให้คนธรรมดาเป็นวิศวกร
ทำให้คนอ่อนแอ เป็นคนที่ดูแลคนอีกสองชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง
และทำให้คนที่เข้มแข็งมาก ไปกระโดดน้ำตายได้ !
ใช่ครับ ผมยังอยู่หัวข้อ พลังงานมหาศาลของความรักอยู่
แต่ก็ไม่มีใครกำกับไว้ ว่ารักมันสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียว
พลังงานในรูปแบบ negative มันก็มี
พลังงานแบบทำลายล้างมันก็สร้างได้

เริ่มน่ากลัวหรือยังครับ

ตอนนี้ผมมีเพื่อนอกหักในชีวิตถึง 3 ท่าน ในเวลาเดียวกัน
และต้องใช้พลังงานรักของผมเนี่ยแหล่ะ ไปช่วยปลอบโยนให้ผ่อนหนักเป็นเบา
แล้วเคยเห็นมั้ยครับ คนที่ใช้พลังงานตัวเองเยียวยาเพื่อนจนหมดแรง
แล้วเพื่อนไม่หายซักที

เลยทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ที่อาจจะเรียกว่าประชดเพื่อนมันก็ได้
โดยการไล่ให้มันไปทำอะไร ก็ไปเลย ขี้เกียจจะให้กำลังใจแล้ว
เผอิญ ! มันดันหาย

ซับซ้อนมั้ยครับ ?
แต่ !
บางคนไม่หาย ไปคิดสั้นแล้วจบไปอีกหนึ่งชีวิต ก็มี
แต่เท่าที่ผมรู้มาจะเป็นส่วนน้อย

ผมคิดว่า ตัวผมรู้ ทำไมคนถึงฆ่าตัวตายเวลาปราศจากความรัก
บางคนก็บอกว่าคนเหล่านั้นโง่
คือผมอยากจะบอกว่า story line ของชีวิตแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
บางคนมีรักอยู่เต็มชีวิตแล้ว อกหัก ยังไปฆ่าตัวตาย
บางคนมีรักอยู่เพียงสิ่งเดียว สูญเสียไป ก็ไปฆ่าตัวตาย

อย่างแรกเรียกโง่ ผมไม่เถียง
แต่อย่างที่สอง มันต้องอาศัยแรงฮึด จ้ำบึด ส่วนตัวที่จะกลับมายืนใหม่ได้
ด้วยสภาวะ 'ไร้แรงโน้มถ่วงของตนเอง' หรือพูดให้ฟังง่ายคือ
กูบ่อจี๊ ไม่มีอะไรเหลือในรูตูด

http://distilleryimage11.s3.amazonaws.com/4a6eab6aa98611e19dc71231380fe523_6.jpg

แต่ ผมอยากจะบอกว่า
ในโลกนี้ มันยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ

ถ้าเราไม่รุ่งในเรื่องความรัก เราก็ไปรุ่งเรื่องอื่น
บางคน ไม่ยุ่งเรื่องรัก แต่หนีไปเรียนทำขนม
ทำขนมขาย รวย
ทำแจกด้วย เวลาซื้อหวยถูกแล้วดีใจ
แจกเพื่อน เพื่อนก็รัก

บางคนได้มิตรภาพดี ล้ำค่า จากการให้ ซึ่งลองมองดูแล้ว ดีกว่า..
การอยู่กับคนที่เหมือนจะรักเรา แต่ทำให้เราปวดหัวทุกวันด้วยซ้ำ
ผู้เขียนนวนิยาย แนวพ่อมดแฟนตาซี ที่ถ่ายทอดออกตลาดจำนวน 7 เล่ม ก็มีแนวคิดเดียวกันครับว่า

ชีวิตมันซับซ้อน

ผมเองรู้สึกอย่างนั้นมาตลอด
คนที่มองชีวิตให้เป็นเรื่องง่ายได้ ถือว่าโชคดีมาก
คำว่าโชคดีของผมหมายถึง

เขาโชคดีที่ ชีวิต ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องหนักหนักอย่างการมีลูกสองคน ด้วยตัวคนเดียว
เขาโชคดีที่ ชีวิต ไม่ต้องดูแลใครที่เป็นมะเร็ง แล้วเราไม่อยากให้เขาตาย
เขาโชคดีที่ ไม่มีใครพยายามจะขโมยสมบัติที่เป็นมรดกของเขา
เขาโชคดีที่ ไม่ต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่ชายที่ติดคุกโดยไม่ผิด

มันมีอีกหลายเรื่องซึ่ง 'ผู้โชคดี' เหล่านี้ไม่ต้องประสบพบเจอ
แล้วพวกเขาจะพูดว่า 'มองชีวิตให้มันง่ายสิ'
ซึ่งก็ถูกของเขา
ในมุมของเขา
แต่อาจไม่ใช่มุมของคนอีกสี่สิบส่วนบนโลกใบเดียวกัน ก็เท่านั้น

เปล่านะครับ
ผมไม่ได้กำลังจะโยงให้ไปใช้ชีวิตในด้านลบ

เพราะส่วนตัวแล้ว
ผมคิดว่า การทำชีวิตเราให้ง่าย และ การใช้พลังงานความรัก เป็นเรื่องสำคัญ

เพียงแต่ ถ้าเราจะจับจุดมันได้ ว่าเราจะทำให้ความรักเป็นพลังงานของเราอย่างไร
คนที่ไม่มองความรักในแง่ว่า มันก็เป็นสิ่งที่ไม่มั่นคง สิ่งหนึ่ง เหมือนทุกอย่างบนโลก
ก็อาจ fail เอาได้ง่ายง่าย
ใครจะไปรู้ พายเรือกัน 400 รอบ รอบที่ 401 ไปพายกับชายอื่นที่ตลิ่งอื่น ?
ถ้าเฟลจากแหล่งพลังงานหนึ่ง ต้องตั้งสติ แล้วบอกกับตัวเองว่าเดินต่อไปให้ได้

แล้วไปจับแหล่งพลังงานใหม่

ถ้าบ้านเฟล ไปจับเพื่อน ถ้าเพื่อนเฟล ไปจับแฟน ถ้าแฟนเฟลไปจับ เพื่อนใหม่
ถ้าเพื่อนใหม่เฟลอีก มันก็ยังมีสังคมที่ซ่อนอยู่ เช่น สังคมคนถ่ายภาพ
สังคมคนรักศิลปะ รัก breakdance รักปั่นจักรยาน

อีกเยอะครับ

ชีวิตมีอะไรให้น่าทำ มากกว่าการใช้พลังงานจากความรัก มาประดังใส่ตัวเองให้ไปฆ่าตัวตาย
ผมเองก็ในฐานะคนที่เคยคิดสั้น สองหน แล้วก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วเปลี่ยนใจทั้งสองหน
มันไม่มีหลักประกันว่าผมจะไม่คิดเป็นหนที่สาม
แต่ตราบใดที่ผมคิดถึงเรื่อง 'แหล่งพลังงานอื่น'

ผมคิดว่าโอกาสรอดพ้นในการฆ่าตัวตายผมจะสูงมากทีเดียว
และนั่นก็เป็นอื่นหนึ่งของความซับซ้อนชีวิต
ซึ่งบางคนก็ยังเถียงว่า 'มึงก็ใช้ชีวิตให้มันง่ายสิ'

ก็ถูกของเขา

ในมุมของเขา -- ซึ่งเป็นมุมหนึ่ง เป็นเค้กส่วนหนึ่ง ของโลกใบนี้
เพราะในบางท้องเรื่อง คนแนะนำ ก็แนะนำง่ายเกินไป
บนความซับซ้อนของโลกใบนี้ หากมองอะไรหยาบไป
มันจะนำมาซึ่งปัญหาตกค้างระยะยาว

ปัญหาหมักหมม ที่คุณไม่แก้ เพราะคุณกำลังหลอกตัวเองว่าคุณใช้ชีวิต 'Simple'
แต่ในความจริง มันเป็นแค่การละเลยปัญหา

แต่การมองปัญหาระยะยาวมากเกินไป จะทำให้เราพลาดปัญหาที่อยู่ตรงหน้า
และนั่น ทำให้แย่ได้ไม่แพ้กัน

สุดท้ายนี้มันเป็นเรื่องจริงครับ ที่คนเรา ควรทำองค์ประกอบชีวิตให้มันง่าย
เพราะโลกนี้มันมีเรื่องซับซ้อนพออยู่แล้ว
การทำให้มันง่าย จึงเป็นเรื่องที่ -- ความจริงแล้ว -- ไม่ใช่แค่ 'ควรจะทำ'

แต่ถึงขั้นใช้คำว่า 'ต้อง' กันเลยทีเดียว

ร้อยละ 90 ของผู้ที่ใช้ชีวิต Simple ได้จริง
คือคนที่คิดมาก จนสมองแทบระเบิดกระเด็นออกมา
คือคนที่เจ็บปวดทนทุกข์กับปัญหาชีวิต จนตกผลึก

หลังจากนั้น เขาถึงรู้
ว่าชีวิตเขา ควรจะดำเนินไปในรูปแบบไหน

และเสียงส่วนใหญ่ของผู้คนเหล่านั้น
จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

ชีวิต เป็นเรื่องซับซ้อนพออยู่แล้ว
เราควรทำให้มันง่ายขึ้น


เห็นมั้ยครับ
มันแตกต่างจากคำแนะนำของ ใครก็ไม่รู้ ที่อยู่ดีดี เดินมาบอกให้เราใช้ชีวิตง่าย
โดยที่ -- ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเราในเชิงรายละเอียดเลย


ดังนั้น ขอให้คุณ simplify ชีวิตของคุณให้สำเร็จได้ จากการตลกผลึกในชีวิตคุณครับ
มีแต่ตัวเราเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตเราง่าย ในรูปแบบ ที่ดีที่สุด

: )