Monday, October 27, 2014

#18 สองด้าน




เหรียญมักจะมีสองด้าน แน่นอนว่าชีวิตก็จะมีสองขั้วเสมอ
เห็นคนที่มีความสุข . . .
อาจจะเป็นเพราะเค้าผ่านความทุกข์ที่แสนลำบากมาแล้ว
เห็นคนที่กำลังมีความรัก . . . อาจจะเป็นเพราะเค้าผ่านความเศร้ามานานแสนนาน
การที่เราเห็นอะไรสักอย่าง มันอาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเค้า
แต่เป็นเพียงภาพลักษณ์ที่คนๆ นึงอยากจะแสดงออกให้คุณรับรู้ว่าเค้า "ไม่เป็นไร"
แต่จิตใจข้างในต่างหากที่สุดแสนจะบอบบาง



คำพูดผ่านโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คของคนทำงานระดับ Hi-end ท่านหนึ่ง ที่ผมแอบนับถืออยู่เงียบๆ
พูดถึงการตายของนักแสดง One Standup Comedy ชื่อดัง
หลักหลักแล้ว ผู้ที่มีหลายบุคลิก คือการต้องการปกปิดตนเอง จากจุดอ่อนที่สังคมจับตามอง

มันเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า
ผู้คนที่เข้มแข็งกว่าชาวบ้าน มักจะรับบทหนักทางใจ มากกว่าชาวบ้านด้วยเช่นกัน
ถ้าคุณลองสังเกตดูกับคนรอบตัวง่ายง่าย
คุณจะพบว่า พวกเขา มักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
และ เป็นที่ปรึกษาทางใจ ให้กับคนหลายคน
แต่ลึกลงไป

พวกเขาเหล่านี้ ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป ที่มีอารมณ์เจ็บปวด
แต่คนเหล่านี้ พิเศษกว่า ตรงที่เขามีชั้นการปกป้องการเจ็บปวดที่แข็งแกร่ง
หรือไม่ก็มีความทรหดและขนาดของใจที่ใหญ่กว่าคนสามัญชนทั่วไป
แต่ถ้าจะเจาะลึกลงไปอีก
คนเหล่านี้ มักมีตัวช่วย ในการบรรเทาอาการ การเจ็บปวด เช่น ของมึนเมา หรือ ยาเสพติด

เครื่องดื่ม ทำให้ลืมความบอบช้ำ
ยาสูบ ปัดเป่าสิ่งรบกวนสมองให้ผ่านพ้นไป

แต่ ของเหล่านี้ ลึกลึกแล้ว มันมักไม่ผ่านพ้นไป
เครื่องดื่ม รักษาอาการเจ็บปวดระยะสั้น และก่อเนื้อร้ายในตับในหลายปีที่ผ่านพ้นไป
ยาสูบ รักษาความหนักสมองในฉับพลัน และสร้างสิ่งไม่พึงประสงค์ในปอดในช่วงปลายของชีวิต

ผมกำลังพูดถึง พลังงานชีวิต ที่ทำหน้าที่เป็นด้านลบ
เรา ควรรู้จักสิ่งนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อย เพื่อหลบหลีกมันได้ถูกวิธี


วันนี้ ผมได้มีโอกาสสนทนา กับพี่สาวที่ผมนับถือ และนับเธอเป็นโค้ช คอยนำทางวิธีการประกอบอาชีพ
ซึ่งเธอ --
ไม่รู้จักสภาวะซึมเศร้า
ผมแปลกใจมาก ว่าคน คนหนึ่ง โชคดีถึงขั้นไม่เคยเจอสภาวะนี้เลย

สภาวะซึมเศร้า (Depression)
มนุษย์เรา ประกอบด้วยสองด้านหลักหลัก
คือ บวก และ ลบ
ร้อน เย็น
มืด สว่าง
ตื่นตัว หลับไหล
สภาวะซึมเศร้า คือ การมีพลังงานด้าน ลบ มืด หลับไหล มากเกินพิกัดที่ร่างกายควรมี
ผลที่ตามมาคือ
สมองสั่งการผิดปกติ
ทำให้ตัดสินใจอย่าง คนที่อยากจะปิดกั้นตัวเองออกจากทุกสิ่ง
ตัดสินใจโดยมองทางเลือกในแง่ไม่อยากให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นหลัก
จุดที่น่ากังวลที่สุดเกี่ยวกับสภาวะนี้
คือการที่ คนที่อยู่สภาวะซึมเศร้า
มองทุกทางเลือกแนว "ไม่อยากเผชิญหน้า" ไปเสียหมด
ไม่ว่าประตูทางออกใด มีแต่ความไม่อยากเจอความไม่แน่นอน
ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็ไม่ต้องการความเจ็บปวด
ซึ่งอาจลงเอยด้วย "ไม่ต้องการทางเลือกใดเลย อยากจบปัญหาให้ไว ให้พ้นจากตรงนี้"
เมื่อสมอง เจอแต่ทางเลือกที่ไม่ต้องการ จะตัดสินทางเลือกที่ดีที่สุด คือการจบความเจ็บปวดทั้งหมด
และ.. นำพาไปสู่ทางเลือก ที่เราไม่อาจมีชีวิตรอด เพียงเพื่อจบความเจ็บปวดลง
ผมเคยผ่านเรื่องเหล่านี้มาบ้าง

เดินทางผ่านมาได้ด้วยตนเอง ไม่มีใครนำทาง แต่ตั้งสติ โดยพยายามพิจารณาปัญหาที่ละข้อ
อะไรที่แก้ไม่ได้ จะปล่อยออกไป ไม่ไปจับต้อง
อะไรที่แก้ได้ ลงมือแก้ทุกอย่าง สุดแรงและความสามารถ
ผมคงเป็นวิญญาณที่เสียใจ หากวันนั้นผมตัดสินใจจบลมหายใจตัวเองไป

สภาวะซึมเศร้า เป็นเรื่องน่าเห็นใจอยู่ก็จริง
แต่น่าแปลกจริงจริง
คนที่สมควรได้รับสภาวะซึมเศร้า กลับสู้ชีวิต
ส่วนคนมีครบ 32 มีบ้านอยู่อาศัย บางทีกลับเป็นโรคซึมเศร้า
ณ จุดนี้เอง ที่คำว่า "เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต" ได้แทรกตัวเข้ามา

แต่ผมจะพูดในฐานะของคนที่ผ่านสภาวะจิตตกต่ำนี้มาได้ว่า
"แต่อย่าลืมว่า ชีวิตของคุณ อาจพบเจอวันที่จำเป็นต้องใช้เงินในวันข้างหน้า
ซึ่งหากคุณไม่มีเก็บออมและถึงวันดังกล่าว คุณจะไม่มีทั้งความสุข ไม่มีทั้งเงินเพื่อใช้จ่าย"
หลังจากนั้น ผมจึงเข้าใจ ว่าชีวิตเราควรทำอะไร
และการฆ่าตัวตาย จะไม่อยู่ในรายการบัญชี "สิ่งที่ต้องทำ" ของผมอย่างแน่แท้

https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/v/t1.0-9/10646795_786803078045744_2652094662458931824_n.jpg?oh=39130689a4d784f2c808ead976ad322c&oe=54EE0D39&__gda__=1424821377_88c8467e7d4848973e1aa1de58763f75
ขอบคุณภาพสวยจาก: 9pinit

แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ผมต้องมั่นใจว่า ผมรักษามุมมองชีวิตของผม ให้อยู่ในระดับสมดุลเสมอ
ใครจะไปรู้ ถ้าผมปล่อยให้ระดับพลังงานทั้งสองฝั่ง เป๋ไปข้างใดข้างหนึ่งมากเข้า
การจบชีวิตก่อนเวลา อาจหลุดเข้ามาใน To Do List ของผมอีกก็เป็นได้
เราควรขยันหมั่นตรวจตราความรู้สึกเรา
ไม่ต้องไปเข้มงวดกับมันหรอก แค่รู้ตัว ว่าเรารู้สึกอะไรอยู่
เศร้ากับบางเรื่อง ก็แค่บอกกับตัวเองว่า "อ้อ -- เออ -- นี่เราเศร้าอยู่นะ" แบบประโยคบอกเหล้า
เอ๊ย.. บอกเล่า
ไม่ต้องไปเติมดราม่าให้ความคิดว่า ชีวิตเรามันอย่างงั้น อย่างงี้ -- เศร้าก็ยอมรับกับตัวเองไปเลย

เออ กูเศร้า

น่าแปลก -- เมื่อคุณพูดกับตัวเองเช่นนี้ ซักพักนึง คุณจะเริ่มเฉยเฉยกับอารมณ์เศร้าอันนั้น
และมันจะหายออกไปจากระบบความรู้สึกเร็วกว่าที่เราคาดไว้เสียส่วนมาก
แต่การปฏิเสธว่าเราไม่เศร้า จะได้ผลตรงกันข้าม
การเพิ่มดราม่าลงไปในความรู้สึก จะซ้ำให้เศร้าเข้มข้นไปอีก -- คุณอาจเศร้าในช่วงเวลาที่สั้นลง
แต่ดีกรีความเข้มข้นที่เกิดขึ้นในช่วงเติมดราม่านั้น จะเป็นผลต่อระบบนึกคิดของคุณ
คุณอาจกลายเป็นคนมองโลกบิดเบือนไปในแง่ลบเลยก็ได้
ตัวผมเอง จะเฝ้ามองระบบนึกคิดของตัวเองแค่ว่า
ไม่มาก และไม่น้อยไป
ไม่สว่างเกิน ไม่มืดจนบอด

บ่อยครั้ง ที่เราจะเดินท่ามกลางแดดจ้า แล้วพบว่า
แสงสว่างที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้เรามองอะไรลำบาก
ยังอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ตามการกล่าวไว้ของงานวิจัยอะไรก็แล้วแต่
มันเป็นเรื่องอันตราย หากคนเราจะใช้วิถีชีวิตแบบสุดโต่ง
ไม่ซ้าย ก็ขวาเลย
ปฏิเสธบน งั้นลงข้างล่าง

การรักษาสมดุลให้ชีวิต เป็นเรื่องปลอดภัย ทั้งวิถีที่จับต้องได้ และวิถีทางใจ
แล้วมีคนเคยถามว่า "ด้านตรงข้าม" ของสภาวะซึมเศร้า คืออะไร
ซึ่งผมชอบคำถามนี้มาก
มันคือ ความเครียด
การที่เราตื่นตัว และจับแน่น กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเรียกว่าความจริงจัง
หากมันมากไป ความเครียดจะปรากฎตัวขึ้น

ซึ่งหากมีมาก ก็นำไปสู่การตัดสินใจจบชีวิตได้เช่นเดียวกับสภาวะซึมเศร้า
ผมแปลความสองด้านของชีวิต เป็นพลังงานในศาสตร์ของจีน ที่เรียกว่า "หยิน" และ "หยาง"
เพื่อความเข้าใจได้ง่ายของตัวผมเอง
หยิน คือ ด้านสงบ
หยาง คือ ความตื่นตัว

สงบ เกินขีดกำหนดที่ดี ก็จะกลายเป็นไม่เคลื่อนที่เลย ก่อพลังงานด้านมืดจนปิดการมองเห็น
ตื่นตัว ทะลุพิกัดที่ควรเป็น จะผันเป็นพลังงานที่มากไป สร้างพลังงานด้านสว่างจนร้อนรน
คุณคงเคยได้ศึกษามาบ้าง ว่า เวลาตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้า ให้ออกกำลังกาย
ฐานง่ายง่ายของเรื่องนี้คือ ออกกำลัง สร้างพลังงานความร้อน
นั่นคือ หยาง
ไปแทนที่พลังงานดำมืดที่เป็นความเย็นชืดในตัวที่ทำให้หมอง นั่นคือหยิน

แต่ การออกกำลังกาย เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก
มันสามารถรักษาสภาวะการตื่นตัวมากเกินไปได้ด้วย
การตึงเครียด เนื่องจากระบบความรู้สึก มีพลังงานตื่นตัวไหลเวียนมากไป (หยาง)
ก็สามารถปรับลดลงมาได้ ด้วยการออกกำลังกาย ให้เหงื่อออก
นั่นจะทำการระบายพลังงานตึงเครียดออกมาทางรูขุมขน
มันตรงกับที่เขาว่า "กีฬา เป็นยาวิเศษ เดินไปเทเวศน์ ซื้อมะนาวหนึ่งผล"

-- ไม่ใช่และมึง

และมีตัวยาตัวหนึ่ง ที่มีสรรพคุณรักษาได้ทั้งอาการทั้งสองฟากได้อีกเช่นกัน
แต่ยาตัวนี้ราคาแพง
มันคือ รัก
เรื่องที่เป็นข่าวดีเกี่ยวกับยาตัวนี้ก็คือ
ปกติคุณจะได้รับยาตัวนี้ฟรีจากครอบครัวอยู่แล้ว
แต่ -- ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า คุณต้องเกิดมา จับลอตเตอร์รี่ถูกรางวัล ได้ครอบครัวที่อบอุ่นพอสมควรด้วย
ซึ่งยาตัวนี้ คุณได้รับฟรี แน่นอน

แต่หาก คุณโชคไม่ดีนักเรื่องครอบครัว
คุณต้องเหนื่อยฝึกใจของคุณให้เข้มแข็งหน่อย
และ ไม่ว่า ครอบครัวคุณ จะดูเลวร้ายแค่ไหน
ผมพูดได้เลย ว่ามีคนที่ครอบครัวเลวร้ายกว่าที่คุณมีอยู่ และเขาไม่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ใช่ ผมกล้ายืนยันขนาดนั้นเลยเชียว
คุณควรลองไปศึกษาเรื่อง ผู้หญิงที่ถูกพ่อแท้แท้ ส่งขายสถานบริการดู
เขายังมีชีวิตอยู่ได้

ทีนี้ ไม่ว่าโจทย์อะไรที่คุณเจออยู่ คุณก็มีเหตุผลไม่เพียงพอที่จะจบชีวิตตัวเองแล้วล่ะครับ
กลับมาที่สภาวะทั้งสองอย่างในชีวิตคนเรา
ตัวผมเอง ก็ฝึกใช้พลังงานทั้ง หยิน และ หยาง ให้ถูกที่ถูกเวลา
ไม่ใช่อยู่กับเพื่อนก็ซึมกระทือ
อยู่คนเดียวก็ร่าเริงจนดูบ้าบอ

ชีวิต จะไม่ยากเย็น หากเราไม่ฝืนบังคับให้มันยาก
รักษาสิ่งละอัน พันละน้อย อะไรต่างต่างให้มันอยู่ในโซนตรงกลาง
ที่สำคัญ มีลูกบ้าให้ถูกเวลา
ผมว่า น่าจะแก้ไขทั้งอาการซึมเศร้า และสภาวะตึงเครียดได้นะครับวิธีนี้ : D

1 comment:

  1. ช้อบ ชอบ

    "เหรียญมักจะมีสองด้าน แน่นอนว่าชีวิตก็จะมีสองขั้วเสมอ
    เห็นคนที่มีความสุข . . .
    อาจจะเป็นเพราะเค้าผ่านความทุกข์ที่แสนลำบากมาแล้ว
    เห็นคนที่กำลังมีความรัก . . . อาจจะเป็นเพราะเค้าผ่านความเศร้ามานานแสนนาน
    การที่เราเห็นอะไรสักอย่าง มันอาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเค้า
    แต่เป็นเพียงภาพลักษณ์ที่คนๆ นึงอยากจะแสดงออกให้คุณรับรู้ว่าเค้า "ไม่เป็นไร"
    แต่จิตใจข้างในต่างหากที่สุดแสนจะบอบบาง "

    ReplyDelete